คนไทยที่มีความใฝ่ฝันอยากไปเรียนต่อที่ต่างประเทศนั้น ขั้นตอนแรกคือ การตัดสินใจว่าจะเลือกไปเรียนต่อที่เมืองไหนดี สำหรับความนิยมนั้นมีอยู่หลายประเทศที่เหมาะกับคนไทย เช่น ประเทศอังกฤษ นิวซีแลนด์ อเมริกา เป็นต้น บทความนี้จะได้ให้ข้อมูลคร่าวๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ
ไป Summer มัธยมที่เมืองไหนดี คุณพ่อคุณแม่จำนวนไม่น้อยที่ไว้ใจประเทศอังกฤษและสนใจไปเรียนซัมเมอร์อังกฤษ เนื่องจากได้ชื่อว่าเป็นเมืองผู้ดี มีวัฒนธรรม ที่สำคัญได้มาตรฐานการศึกษา ซึ่งมีหลายเมืองที่น่าสนใจ เช่น St Dunstan’s College ในกรุงลอนดอน หรือ Summer UK Course British Council เมืองบาธ (Bath) เมืองมรดกโลก ปลอดภัย หายห่วง host และอาจารย์ให้ความเอาใจใส่ดี ทำให้เด็กมีความมั่นใจในการใช้ภาษามากขึ้น ด้านชีวิตประจำวันก็มีความอบอุ่น ปลอดภัย มีความสุขกับเพื่อนร่วมรุ่น หรือเลือกBell ในเมืองเคมบริดจ์ โรงเรียนทันสมัย ปลอดภัย ได้ฝึกภาษาเต็มที่เนื่องจากคนไทยน้อย ไปเรียนมัธยมที่เมืองไหนดี หากต้องใช้ระยะเวลาเป็นปีๆ นิวซีแลนด์ก็เป็นอีกประเทศที่น่าสนใจ สงบ ปลอดภัย ส่วนเรื่องการศึกษามาตรฐานอังกฤษทีเดียว ที่สำคัญประเทศสวยงาม น่าอยู่ ไม่ไกลจากไทย ผู้คนก็เป็นมิตร อัธยาศัยดี การสอนเป็นสไตล์ประยุกต์ใช้ ให้รู้จักคิด วิเคราะห์เป็น มีหลายเมืองน่าสนใจ เช่น โอ๊คแลนด์ ที่ Lynfield College หรือ Heretaunga College ที่เวลลิงตัน ที่มีจุดเด่นตรงที่มีบัดดี้คอยดูแลนักเรียนต่างชาติด้วย หรือถ้าชอบโรงเรียนที่มีชื่อเสียงทั้งในเรื่องของวิชาการและการดูแลนักเรียนเป็นพิเศษ อาจจะเลือกเรียนที่ Lincoln High School ที่เมืองไครสต์เชิร์ช ไปเรียนปริญญาตรีที่เมืองไหนดี เด็กที่จบมัธยมจากเมืองไทย เมื่อไปเรียนปริญญาตรีที่ต่างประเทศ ส่วนมากจะต้องใช้เวลาในการปรับพื้นฐานก่อนจะเข้ายูที่นั่น สำหรับคนที่ไม่อยากเสียเวลามากและอยากได้ความรู้ที่เลือกมหาวิทยาลัยที่เหมาะกับสิ่งที่ชอบได้หลายหลาก ขอแนะนำประเทศอังกฤษ ที่มีหลักสูตรปริญญาตรี 3 ปี เมื่อรวมกับระยะเวลาปรับพื้นฐานที่ส่วนใหญ่เลือก Foundation Program 1 ปี ก็จะเป็น 4 ปีเหมือนเรียนในเมืองไทย และพิเศษสามารถเลือกที่มีระบบเรียน 2 ปี มหาวิทยาลัยหางานให้ทำตรงสายงานอีก 1 ปี กลับมาเรียนปีสุดท้าย เท่ากับได้ปริญญาพร้อมประสบการณ์การทำงานตรงสายงาน 1 ปี เพิ่มโอกาสในการหางานทำ มหาวิทยาลัยระดับ top ในอังกฤษมีให้เลือกมาก เช่น Imperial College London ในกรุงลอนดอน ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศ หรือจะเลือก University of Manchester ในแมนเชสเตอร์ ที่เด่นเรื่อง ธุรกิจ การเงิน การตลาด หรือต้องระดับ top ของโลกเท่านั้นอาจจะเลือก Oxford หรือ Cambridge ไปเรียนปริญญาโทที่เมืองไหนดี คนไทยที่ไปเรียนต่อปริญญาโทเมืองนอกนั้นมีวัตถุประสงค์หลายอย่าง ส่วนใหญ่มักจะหาประสบการณ์ด้านอื่นไปในตัว เมืองที่เลือกจึงมักจะต้องเอื้ออำนวยในเรื่องความเป็นอยู่ ทุนการศึกษา การหางานพาร์ทไทม์ ประเทศยอดนิยมจึงมักจะเป็นอเมริกา ซึ่งมีหลายเมืองที่น่าสนใจ ฮาร์วาร์ด มหาวิทยาลัยเอกชนในเมืองเคมบริดจ์ แมสซาซูเซส มหาวิทยาลัยนิวยอร์ค ในนิวยอร์ค มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ในซานฟานซิสโก มหาวิทยาลัยวอชิงตัน ในเมืองซีแอตเทิล สุดท้ายแล้ว การจะเลือกไปเรียนซัมเมอร์ ไม่ว่าจะเป็นซัมเมอร์สิงคโปร์ หรือซัมเมอร์อังกฤษ หรือการเรียนต่อต่างประเทศที่ไหน ยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่ต้องใช้ประกอบการตัดสินใจ และสิ่งที่สำคัญกว่าการเลือกคือ ความตั้งใจเรียนให้ประสบความสำเร็จและนำความรู้มาใช้ประโยชน์ให้สมกับที่ข้ามน้ำข้ามทะเลไปเอาความรู้จากต่างประเทศ พักหลังมานี้ข้าพเจ้ามีความคิดอย่างนึงถึงการไปดูฟุตบอลติดขอบสนามที่ Osaka เกริ่นออกมาก็เชื่อว่าหลายท่านต้องคิดว่าเป็นไอเดียที่น่าสนใจเป็นแน่แท้! และนี่ก็คือเหตุผลของข้าพเจ้า ถึงข้อดีของการไปดูบอลถึงขอบสนามที่โอซากะะะะ เมืองเที่ยวแห่งภูมิภาคิคันไซ เรียกว่าเป็นเดสติเนชั่นโปรดของใครหลายคนจริงๆ รูปภาพจาก: Wikipedia บรรยากาศอันเร่าร้อนในสนาม บรรยากาศสุดมันจะทำให้คุณรู้สึกขนลุกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน! สำหรับข้อนี้บอกได้เลยว่าหากใครยังไม่เคยชมกีฬาจริงๆ โดยเฉพาะในประเทศที่คลั่งใคล้กีฬานั้นบอกเลยว่าต้องเป็นประสบการณ์อันแปลกใหม่แน่นอน! รับรองจะติดใจ เอนจอยพาเหรดอาหารที่มาขายถึงที่นั่ง ความสนุกของประเทศที่กีฬาได้รับความนิยมคืออาหารนั่นเอง มันก็ไม่ต่างกับการกินปอปคอร์นขณะดูหนังสักเท่าไหร่ เอาเป็นว่าถ้าคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่รักการกิน อาหารขอบสนามจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง ลองจินตนาการถึงฮอร์ทดอกอร่อยๆ พร้อมเบียร์ดูสิ จะชมฟุตบอลมันขนาดไหนกันนะ? ได้เห็นนักกีฬาที่ชอบตัวเป็นๆ เคยมีความรู้สึกอยากพบใครที่คุณปราบปลื้ม หรือไอดอลไหม การไปพบนักเตะตัววจริงถึงขอบสนามก็ไม่ต้องกับการไปรอศิลปินเกาหลีที่สนามบินหรอก มันฟินจริงๆนะ ข้าพเจ้ารู้สึกว่าหากเราชอบนักกีฬาคนไหนแล้ว การได้พบตัวจริง และเห็นการเล่นของเขาแบบขอบสนามนั้น ก็ยิ่งทำให้กลับมาแล้วชอบยิ่งกว่าเดิม ระวังตัวไว้หล่ะ! ทุกๆวันนี้ใครๆก็หันมาออกกำลังกายกันอย่างช่วยไม่ได้ ข้าพเจ้าก็เป็นหนึ่งในคนที่เริ่มต้นออกกำลังฟิตแอนด์เฟิร์มมาได้ไม่นานนัก เพราะด้วยเทรนด์สุขภาพนั้นกำลังมาแรงและเป็นที่ต้องการของกลุ่มวัยทำงานอย่างมาก เพราะเหตุที่คนเราในวัยทำงานนั้นมักจะนั่งอยู่แต่ในออฟฟิศ หรือคนที่อยู่บ้านบ่อยๆอย่างข้าพเจ้า การที่จะได้มีเวลาไปออกกำลังกายนั้นก็มีโอกาสน้อยมาก เพราะตั้งแต่ตื่นเช้ามาก็ต้องรีบอาบน้ำแต่งตัวรีบทานอาหารแล้วไปทำงานซึ่งยิ่งอยู่ในเมืองหลวงแล้วก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ ฉะนั้น ปัจจุบันทุกๆคนที่อยู่ในวัยทำงานจึงเห็นความสำคัญของการออกกำลังกายเป็นอย่างมาก ซึ่งบางคนก็อาจจะใช้วิธีเต้นแอโรบิคหรือวิ่งแต่บางคนก็อาจจะใช้วิธีที่ไม่เหนื่อยมากแต่ได้กล้ามเนื้อการยกน้ำหนักด้วยการใช้ดัมเบล
ทีนี้ปัญหามันมักจะเกิดช่วงเลือกดัมเบลนี่แหละ ว่าจะเลือกแบบไหนดี? ซึ่งดัมเบลนั้นก็มีหลากหลายแบบมีทั้งแบบที่เป็นดัมเบลฟิกซ์น้ำหนักที่มีการฟิกซ์น้ำหนักไปเลยว่ามีกี่กิโลกรัม อย่างเช่น ดัมเบลฟิกซ์น้ำหนัก 1 กิโลกรัม หรือ 2 กิโลกรัม เป็นต้น หรืออาจจะเป็นดัมเบลที่สามารถจะปรับน้ำหนักได้นั่นหมายถึงเป็นดัมเบลที่คุณสามารถที่จะปรับเลือกน้ำหนักได้ตามที่คุณต้องการว่าคุณต้องการน้ำหนักกี่กิโลกรัม อย่างเช่น คุณอยากจะยกน้ำหนัก 8 กิโลกรัมคุณก็สามารถที่จะปรับเลือกน้ำหนักนี้ได้ ซึ่งในชุดของดัมเบลปรับน้ำหนักนั้นชุดหนึ่งๆก็มีอยู่หลากหลายขนาดด้วยกัน ก็แล้วแต่คุณจะเลือก ซึ่งการที่คุณจะเลือกแบบดัมเบลฟิกซ์น้ำหนักหรือจะเป็นดัมเบลฟิกซ์ปรับน้ำหนักนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีความชอบในการใช้ดัมเบลแบบไหน ซึ่งบางครั้งการใช้ดัมเบลปรับน้ำหนักอาจจะมีความเหมาะสมสำหรับบางคนที่จะต้องมีการเทรนด์ร่างกายให้มีความพร้อม โดยจะต้องมีเทรนเนอร์คอยควบคุม เพราะหากคุณเลือกปรับน้ำหนักตามใจคุณโดยปราศจากโปรแกรมที่ถูกต้อง (โปรแกรมและจำนวนเซ็ทค่อนข้างมีความสำคัญมาก) อาจทำความปวดเมื่อยตามร่างกายได้ เพราะไม่ได้มีการแนะนำจากเทรนเนอร์นั่นเอง ซึ่งการที่เราจะมีความรู้ในการใช้ดัมเบลปรับน้ำหนักได้นั้นคุณก็จะต้องเตรียมโปรแกรมให้ทราบก่อน อาจเริ่มจากการศึกษา (Max one rep) หรือน้ำหนักที่คุณยกได้สูงสุดต่อ 1 ครั้ง หรือ 10 ครั้ง หากคุณเป็นผู้เริ่มต้น ก็ให้ลดความเข้มขนของการฝึกลงมา ยกตัวอย่างเช่นหากคุณยก 12 กก. ได้เต็มที่ 10 ครั้ง ในการออกกำลังจริงๆ ก็อาจจะเลือกยกที่ 10 กิโล แต่ก็ยก 10 ครั้ง ก็จะทำให้ร่างกาจคุณต้องออกแรงประมาณ 80% ซึ่งไม่ทำให้การออกหักโหมเกินไป โดยสรุปก็ชอปดัมเบลล์ปรับน้ำหนักนะ แต่ราคาแพงเหลือเกิน ข้าพเจ้าก็ไม่ได้ยกหนักอะไร แบบฟิกซ์น้ำหนักก็พอถูไถ เพราะยกหนักสุดก็ยังไม่ถึง 10 โลด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นดัมเบลจึงมีราคาไม่แพง ส่วนสำหรับหนุ่มๆขาโหดก็ซื้อแบบน้ำหนักเถอะ เพื่อจะออกแบบโปรแกรมฝึกที่แอดวานซ์ขึ้น ก็จะได้ไม่มีปัญหา แถมคนยกหนักมากๆ ซื้อแบบฟิกซ์น้ำหนักเปลืองแน่นอนจ้า ขอบคุณภาพจาก: www.supersportpro.com/ เทรนด์บ้านสมัยนี้คงหนีไม่พ้นบ้านประเภทที่เรียกว่าบ้านสำเร็จรูป หรือบ้านน็อคดาวน์ ที่เรียกได้ว่ากำลังได้รับความนิยมสูงสุด และมีการค้นหาบนอินเตอร์เน็ตมากขึ้นเรื่อยๆ (นับเป็นโอกาสทองของการทำธุรกิจของหลายท่าน ข้าพเจ้าก็คิดแบบนั้นเช่นกัน) มาถึงตรงนี้บางท่านก็อาจเริ่มสงสัย ว่าบ้านน็อคดาวน์เป็นอย่างไร? มันคืออะไร ทำไมถึงกลายเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนหนักหนา เหตุผลนั้นก็เข้าใจได้ไม่ยากสักเท่าไหร่ เพราะการจะมีบ้านเต็มๆสักหลัง ช่างเป็นพันธะที่ยิ่งใหญ่เสียจริงๆ (ข้าพเจ้าคิดว่ายิ่งใหญ่กว่าการเป็นสไปเดอร์แมนเสียอีก) แต่บ้านน๊อคดาวน์นั้นได้เปิดมิติใหม่แห่งวงการบ้าน ด้วยแบบบ้านสำเร็จรูปที่สร้างได้ง่าย ใช้เวลารวดเร็ว และที่แน่นอนคือประโยชน์หลักของมันที่มอบให้กับผู้ซื้อด้วยความสะดวกสบาย ได้มาตราฐาน เพราะส่วนมากจะมาจากแบบแปลนสแตนดาร์ด เรื่องความสวยงามและสไตล์ไม่ต้องพูดถึง มีแบบบ้านสวยๆให้เลือกเยอะแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นสไตล์รีสอร์ท สไตล์ร้านกาแฟ โมเดิร์น บ้านไม้ ทรงโบราณ ล้วนมีทั้งสิ้น ตัวบ้านนั้นนั้นรูปแบบการผลิตก็ไม่ยาก โดยได้รับการผลิตแต่ละชิ้นส่วนให้เสร็จมาจากโรงงานโดยตรง เน้นความสะดวกในการประกอบ ติดตั้ง-ถอนย้ายได้ง่ายสุดๆ บางทีอาจถูกเรียกว่าบ้านโมบาย เพราะมันสามารถเคลื่อนที่ย้ายไปที่อื่นได้ (อาจจะยกไม่ไหว แต่ต้องจ้างผู้บริการเอานะ!) ตัวบ้านมาครบทุกส่วน โดยมีตั้งแต่ ผนัง พื้น หลังคา โครงสร้าง และห้องใช้สอยต่างๆ หน้าต่างประตูก็มีเช่นนะ พูดง่ายๆก็คือสั่งผลิตบ้านตามแบบสำเร็จรูปที่ชอบ สร้างเสร็จก็เลือกสถานที่เพื่อประกอบติดตั้ง เท่านี้นท่านก็จะได้บ้านน็อคดาวน์มา 1 หลังทันที เห็นไม่หละว่าสะดวกจริงๆ ไม่ได้มีแค่ราคาคุย เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน อาจมีหลายห้อง ประกอบด้วยโถงใหญ่ ห้องนอน ห้องน้ำเป็น บางท่านก็อาจเลือกไปทำธุรกิจโดยเน้นแบบบ้านเชิงธุรกิจเช่นรีสอร์ท ร้านกาแฟ หรือจะเป็นสำนักงานที่บ้านขนาดเล็กที่เราเรียกว่า Home Office ทำให้ไม่จำเป็นต้องไปซื้อหาทาวน์โฮมราคาหลายล้านแบบเดิมๆ เพียงเพื่อตั้งต้นธุรกิจ สำหรับเวลาการผลิตนั้น โดยส่วนมากมักใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ซึ่งเทียบกับบ้านทั่วไปก็คงไม่ต้องบอกว่าเร็วกว่าแค่ไหน โดยท่านสามารถติดตั้ง บ้านน็อคดาวน์ จึงกลายเป็นที่ต้องการในยุคใหม่ ที่ผู้ซื้อไม่ต้องการปวดหัวกับปัญหาเรื่องการก่อสร้าง แบบเดิมๆอีกต่อไป |
ผู้เขียนคนธรรมดาที่ไม่ค่อยสันทัดการเข้าหาผู้คน ขออุทิศตนเพื่อการเขียนบล็อกและถ่ายทอดประสบการณ์การท่องอินเตอร์เน็ตของข้าพเจ้า คลังบทความ
July 2021
หมวดหมู่บทความ |