เชื่อว่าใครหลายคนคงต้องเคยได้ยินชื่อเซรั่มแบรนด์ Dr.JiLL อย่างแน่นอน ไม่ช่องทางใดก็ช่องทางหนึ่งของโซเชียลมีเดียหรือตามรายการทีวี ที่มีคุณ แพท ณปภา คุณแม่สายสตรอง เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ ก็มักจะกล่าวถึงเซรั่ม Dr.Jill อยู่เสมอ และคงมีคนสงสัยกันไม่น้อยว่า เซรั่มแบรนด์นี้มีความพิเศษยังไง ทำไมถึงเป็นที่พูดถึงไปทั่วโซเชียล และมียอดสั่งซื้อถล่มทลายขนาดนี้ เราไปไขความลับกันเถอะ ! Dr.JiLL อุดมไปด้วยสารสกัดสุดพิเศษ ที่แบรนด์อื่นไม่มี เซรั่ม Dr.Jill เป็นเซรั่มน้ำนมเข้มข้น ประกอบไปด้วยส่วนผสมที่สกัดจากธรรมชาติกว่า 5 ชนิด ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่คิดค้นจากงานวิจัยของประเทศเยอรมัน นั่นคือ สาร EGF หรือ Epidermal Growth Factors ซึ่งคำนิยามง่าย ๆ ของสารตัวนี้ก็เปรียบเสมือนกับ “สารย้อนวัย” ดี ๆ นี่เอง ถือเป็นจุดเด่นของสาร EGF ที่อยู่ในเซรั่ม Dr.Jill ขวดนี้เลยก็ว่าได้ ที่ช่วยในการชะลออายุของผิวลง ทำให้ผู้ใช้มีผิวหน้าที่อ่อนกว่าวัยนั่นเอง นับเป็นจุดขายอย่างหนึ่งที่แบรนด์ Dr.Jill เท่านั้นที่มี อีกทั้งสาร EGF ที่มีในเซรั่ม Dr.Jill นั้น ยังถือเป็นเจ้าแรกในไทยอีกด้วย ซึ่งมีประสิทธิภาพในการบำรุงผิวหน้าอย่างครบสูตร ทั้งปรับให้หน้าดูกระจ่างใส ไร้ริ้วรอย ให้ความชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน ลดเลือนริ้วรอย ไม่ต่างกับมีคุณหมอตัวเป็น ๆ มาดูแลอยู่ข้าง ๆ เลย รีวิวมากกว่า 80% ใน Pantip.com ยกให้ Dr.Jill เป็นแบรนด์เครื่องสำอางในดวงใจ หนึ่งในเว็บบอร์ดอมตะตลอดกาลของไทย ต้องยกให้ Pantip.com อย่างไม่ต้องสงสัย และไม่ว่าจะเป็นวงการอะไร ทั้งภาพยนตร์ วิชาการ เพลง กระทั่ง เรื่องความสวยความงาม หากมีเรื่องให้ต้องถกกัน ก็ต้องมาพูดคุยกันในเว็บบอร์ดแห่งนี้เสมอ จึงทำให้คนที่สนใจในเรื่องเครื่องสำอางเหมือนกัน ต่างมารีวิวและหาข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์ที่น่าซื้อหรือกำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนั้นที่ Pantip.com ซึ่ง เซรั่ม Dr.Jill เป็นแบรนด์เครื่องสำอางที่ถูกพูดถึงอย่างมากในเว็บนี้ สิ่งที่น่าสนใจคือ รีวิวต่าง ๆ จากผู้ใช้จริงกว่า 80% พูดไปในทางเดียวกันว่า เซรั่ม Dr.Jill ใช้แล้วดีขึ้นจริง หน้าตาดูกระจ่างใส ริ้วรอยลดลง สิวน้อยลง ที่สำคัญ ไม่เกิดอาการแพ้ใด ๆ เลย ตั้งแต่ใช้ครั้งแรกจนถึงตอนนี้ บางคนลองใช้เพราะอยากลอง เห็นโฆษณาว่าดี แล้วก็ติดใจ บางคนมีใครซื้อมาให้ เมื่อลองใช้แล้วก็ชอบ อยากสั่งเพิ่มอีก ซึ่งเป็นสิ่งที่การันตีได้ว่า เซรั่ม Dr.Jill ไม่ได้มีดีแค่ชื่อแบรนด์ แต่ผลิตภัณฑ์ของเขาก็ดีจริง ๆ ด้วย Dr.JiLL เซรั่มอันดับหนึ่งที่ซุปตาร์ “กล้า” การันตีมากที่สุด สิ่งหนึ่งที่ทำให้แบรนด์ Dr.Jill ติดตลาดอย่างรวดเร็วก็คือ การมีพรีเซ็นเตอร์หลักอย่างคุณแม่สายสตรอง คุณแพท ณปภา นั่นเอง ที่มักจะพูดถึงแบรนด์ Dr.Jill อยู่เสมอตามรายการที่ไปออก ทั้งหน้าจอทีวีและยูทูป ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว เพราะคุณแพทมักพูดตลอดว่า ใช้แล้วเห็นผลดีมาก ใช้มา 5 ปีกว่าแล้วและจะใช้ต่อไปเรื่อย ๆ ทำให้คนอยากรู้ อยากลอง จนยอดดขายถล่มทลายนั่นเอง นอกจากนี้ พรีเซ็นเตอร์หลักอีก 3 คน ก็เป็นดาราระดับแถวหน้าของเมืองไทยเช่นกัน ทั้งคุณมาริโอ้ เมาเร่อ สามีแห่งชาติของสาวไทย คุณมาร์กี้ ราศี นางเอกสาวสวย และคุณนิชคุณ หนึ่งในบอยแบนด์จากวงเกาหลีชื่อดัง นี่ยังไม่รวมดาราในวงการอีกคับคั่งที่ออกมารีวิวว่า เซรั่ม Dr.Jill ใช้แล้วดีจริง ๆ นี่จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ Dr.Jill ประสบความสำเร็จมากเท่านี้ Dr.JiLL จัดหนัก ! ทั้งโปรโมชันและของสมนาคุณมากมาย ในเมื่อแบรนด์ Dr.Jill ประสบความสำเร็จมากขนาดนี้ ทาง Dr.Jill ก็ไม่ลืมที่จะตอบแทนคุณลูกค้าที่สนับสนุนแบรนด์มาตลอด ด้วยการจัดโปรโมชันจัดหนัก จัดเต็ม ลด แลก แจก แถม ตลอดทั้งปี มีทั้งบัตรสะสมแต้ม ของสมนาคุณสุดพิเศษ ของแถม หรือมีส่วนร่วมในการทำบุญจากเงินส่วนหนึ่งที่ลูกค้าสั่งซื้อของ จะถูกนำไปสมทบทุนกับมูลนิธิศิริราชทุกเดือน เป็นต้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า Dr.Jill มีความใส่ใจและซื่อสัตย์กับลูกค้ามากขนาดไหน จึงทำให้ลูกค้าทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ ต่างเทใจและสนับสนุนแบรนด์ Dr.Jill ต่อไป เคล็ดลับความสำเร็จของเซรั่มแบรนด์ Dr.Jill คือความใส่ใจลูกค้า ทั้งเรื่องการขาย เรื่องคุณภาพของผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงปรับปรุงการให้บริการช่องทางการขายต่าง ๆ อยู่เสมอ จึงทำให้ลูกค้าต่างยกให้ Dr.Jill เป็นหนึ่งในแบรนด์เครื่องสำอางในดวงใจ ข้าพเจ้าเป็นอีกคนนึงที่ชอบจิบชามาก ทั้งชาร้อน ชาเย็น ชาแม้จะเป็นเครื่องดื่มทีได้รับความนิยมมากพอๆกับเครื่องดื่มอย่างกาแฟ หรือ โกโก้ แต่อย่างไรก็ตามเราจะพบว่า ชาส่วนใหญ่ที่เรานิยมดื่ม โดยเฉพาะชาบรรจุขวดมักจะมีน้ำตาลจำนวนมาก (โดยเฉพาะยุคชาเขียวเจ้าดังแจกทองแจกไอโฟน) จากที่เคยเชื่อว่าการดื่มชาจะช่วยในการลดน้ำตาลในเลือดทำให้หลายคนมองว่าชาเหล่านี้ จะมาเพิ่มความอ้วนและน้ำตาลกันซะมากกว่า เพราะฉะนั้น กินอย่างระมัดระวัง แต่เดี๋ยวนี้ก็เริ่มรู้สึกได้แล้วนะว่าผู้คนเริ่มจะหันมากินชาน้ำตาล0% กันเยอะ หรือถ้าหวานก็จะหวานน้อย ส่วนมากแคลไม่เกิน 100 เริ่มจากการเลิอกชา ชาลดน้ำตาลมักจะเป็นชาสำหรับดื่มแบบร้อนซะส่วนใหญ่ เพราะอย่างที่เราทราบกันดีกว่าการดื่มชาร้อนจะช่วนในการดูดซึมสารอาหารได้ดีกว่าชาเย็น และยิ่งไปกว่านั้น การดื่มชาลดน้ำตาลที่เป็นชาร้อนจะทำให้เราได้ดื่มชาจริงๆ มากกว่าการดื่มน้ำหวานกลิ่นชาที่บรรจุขวดขาย ชาสมุนไพร สมุนไพรหลายชนิดถูกนำมาทำเป็นชาลดน้ำตาลกัน เพื่อให้สามารถที่จะดื่มได้ง่ายมากขึ้น และไม่รู้สึกว่ารสชาติของสมุนไพร โดยขึ้นตอนในการทำชาลดน้ำตาลจากสมุนไพรมักเริ่มจากการนำเอาสมุนไพร มาล้าง แล้วหั่น แล้วจึงนำไปอบ หรือตากแดด ก่อนนำมาชงดื่ม เปลี่ยนจากเติมน้ำตาลเป็นน้ำผึ้งบ้าง การดื่มชาลดน้ำตาลให้ได้ผล คือ ต้องไม่เติมน้ำตาลลงไปจนรสหวาน เน้นการดื่มแบบธรรมชาติ แต่ถ้ารสชาติไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ การเติมน้ำผึ้ง หรือ น้ำตาลทรายแดงลงไป จะช่วยให้ชามีรสที่หวานละมุนมากกว่าการเติมน้ำตาลแบบปกติ เพียงเท่านี้การดื่มชาลดน้ำตาลในช่วงหลังอาหารก็เป็นเรื่องที่ไม่ยาก และที่สำคัญคือ นอกจากจะดื่มชาลดน้ำตาลแล้ว การเลือกทานอาหารที่ไม่หวานจัดจะเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุมากกว่า เพียงเท่านี้ก็ไม่ต้องกลัวแล้วว่าจะอ้วนจนเกินไปนะจ้าทุกคน ถ้าคุณหันมากินชาไม่หวานแล้ว ชาน้ำตาลจะกลายเป็นของแสลงไปเลย เพราะคุณจะไม่อยากกินพวกมันอีกต่อไป! ทุกๆวันนี้ใครๆก็หันมาออกกำลังกายกันอย่างช่วยไม่ได้ ข้าพเจ้าก็เป็นหนึ่งในคนที่เริ่มต้นออกกำลังฟิตแอนด์เฟิร์มมาได้ไม่นานนัก เพราะด้วยเทรนด์สุขภาพนั้นกำลังมาแรงและเป็นที่ต้องการของกลุ่มวัยทำงานอย่างมาก เพราะเหตุที่คนเราในวัยทำงานนั้นมักจะนั่งอยู่แต่ในออฟฟิศ หรือคนที่อยู่บ้านบ่อยๆอย่างข้าพเจ้า การที่จะได้มีเวลาไปออกกำลังกายนั้นก็มีโอกาสน้อยมาก เพราะตั้งแต่ตื่นเช้ามาก็ต้องรีบอาบน้ำแต่งตัวรีบทานอาหารแล้วไปทำงานซึ่งยิ่งอยู่ในเมืองหลวงแล้วก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ ฉะนั้น ปัจจุบันทุกๆคนที่อยู่ในวัยทำงานจึงเห็นความสำคัญของการออกกำลังกายเป็นอย่างมาก ซึ่งบางคนก็อาจจะใช้วิธีเต้นแอโรบิคหรือวิ่งแต่บางคนก็อาจจะใช้วิธีที่ไม่เหนื่อยมากแต่ได้กล้ามเนื้อการยกน้ำหนักด้วยการใช้ดัมเบล
ทีนี้ปัญหามันมักจะเกิดช่วงเลือกดัมเบลนี่แหละ ว่าจะเลือกแบบไหนดี? ซึ่งดัมเบลนั้นก็มีหลากหลายแบบมีทั้งแบบที่เป็นดัมเบลฟิกซ์น้ำหนักที่มีการฟิกซ์น้ำหนักไปเลยว่ามีกี่กิโลกรัม อย่างเช่น ดัมเบลฟิกซ์น้ำหนัก 1 กิโลกรัม หรือ 2 กิโลกรัม เป็นต้น หรืออาจจะเป็นดัมเบลที่สามารถจะปรับน้ำหนักได้นั่นหมายถึงเป็นดัมเบลที่คุณสามารถที่จะปรับเลือกน้ำหนักได้ตามที่คุณต้องการว่าคุณต้องการน้ำหนักกี่กิโลกรัม อย่างเช่น คุณอยากจะยกน้ำหนัก 8 กิโลกรัมคุณก็สามารถที่จะปรับเลือกน้ำหนักนี้ได้ ซึ่งในชุดของดัมเบลปรับน้ำหนักนั้นชุดหนึ่งๆก็มีอยู่หลากหลายขนาดด้วยกัน ก็แล้วแต่คุณจะเลือก ซึ่งการที่คุณจะเลือกแบบดัมเบลฟิกซ์น้ำหนักหรือจะเป็นดัมเบลฟิกซ์ปรับน้ำหนักนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีความชอบในการใช้ดัมเบลแบบไหน ซึ่งบางครั้งการใช้ดัมเบลปรับน้ำหนักอาจจะมีความเหมาะสมสำหรับบางคนที่จะต้องมีการเทรนด์ร่างกายให้มีความพร้อม โดยจะต้องมีเทรนเนอร์คอยควบคุม เพราะหากคุณเลือกปรับน้ำหนักตามใจคุณโดยปราศจากโปรแกรมที่ถูกต้อง (โปรแกรมและจำนวนเซ็ทค่อนข้างมีความสำคัญมาก) อาจทำความปวดเมื่อยตามร่างกายได้ เพราะไม่ได้มีการแนะนำจากเทรนเนอร์นั่นเอง ซึ่งการที่เราจะมีความรู้ในการใช้ดัมเบลปรับน้ำหนักได้นั้นคุณก็จะต้องเตรียมโปรแกรมให้ทราบก่อน อาจเริ่มจากการศึกษา (Max one rep) หรือน้ำหนักที่คุณยกได้สูงสุดต่อ 1 ครั้ง หรือ 10 ครั้ง หากคุณเป็นผู้เริ่มต้น ก็ให้ลดความเข้มขนของการฝึกลงมา ยกตัวอย่างเช่นหากคุณยก 12 กก. ได้เต็มที่ 10 ครั้ง ในการออกกำลังจริงๆ ก็อาจจะเลือกยกที่ 10 กิโล แต่ก็ยก 10 ครั้ง ก็จะทำให้ร่างกาจคุณต้องออกแรงประมาณ 80% ซึ่งไม่ทำให้การออกหักโหมเกินไป โดยสรุปก็ชอปดัมเบลล์ปรับน้ำหนักนะ แต่ราคาแพงเหลือเกิน ข้าพเจ้าก็ไม่ได้ยกหนักอะไร แบบฟิกซ์น้ำหนักก็พอถูไถ เพราะยกหนักสุดก็ยังไม่ถึง 10 โลด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นดัมเบลจึงมีราคาไม่แพง ส่วนสำหรับหนุ่มๆขาโหดก็ซื้อแบบน้ำหนักเถอะ เพื่อจะออกแบบโปรแกรมฝึกที่แอดวานซ์ขึ้น ก็จะได้ไม่มีปัญหา แถมคนยกหนักมากๆ ซื้อแบบฟิกซ์น้ำหนักเปลืองแน่นอนจ้า ขอบคุณภาพจาก: www.supersportpro.com/ |
ผู้เขียนคนธรรมดาที่ไม่ค่อยสันทัดการเข้าหาผู้คน ขออุทิศตนเพื่อการเขียนบล็อกและถ่ายทอดประสบการณ์การท่องอินเตอร์เน็ตของข้าพเจ้า คลังบทความ
July 2021
หมวดหมู่บทความ |